top of page
การตรวจวัด
ความโปร่งใสของน้ำ
Transparency
of Water
ความโปร่งใส Transparency

ความโปร่งใส Transparency

Play Video

การวัดความโปร่งใสของน้ำ คือ การวัดความสามารถของแสงที่ส่องผ่านน้ำลงไปได้ลึกเท่าไร ซึ่งสามารถตรวจวัดได้ 2 วิธี คือ วิธีการวัดด้วยจานวัดความโปร่งใส (Secchi Disk) ใช้สำหรับแหล่งน้ำนิ่ง หรือน้ำลึก แสดงดังภาพที่ 1 และวิธีใช้หลอดวัดความโปร่งใส (Transparency Tube) ใช้สำหรับแหล่งน้ำไหล หรือน้ำตื้น แสดงดังภาพที่ 2

 

ส่วนใหญ่จะพบว่า ความโปร่งใสของน้ำธรรมชาติจะมีค่าอยู่ระหว่าง 1 – 3 หรือ 4 เมตร ถ้ามีค่าต่ำกว่า 1 เมตร จะถือว่าแหล่งน้ำนั้นจะมีอัตราการเจริญเติบโตของพืชน้ำสูง หรืออาจจะหมายถึง มีของแข็งแขวนลอยอยู่ในปริมาณสูงก็ได้ ส่วนบริเวณทะเลสาบบางแห่งที่มีน้ำใสและลึกมาก ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตของพืชน้ำต่ำ หรือน้ำชายฝั่งอาจจะมีความโปร่งใสของน้ำมากถึง 30 – 40 เมตร ก็ได้ เช่น บริเวณแนวปะการัง เป็นต้น

การตรวจวัดความโปร่งใสของน้ำด้วยหลอดวัดความโปร่งใส

1. ค่อยๆ รินน้ำตัวอย่างลงในหลอดวัดความโปร่งใสทีละน้อย สังเกตสีขาวสลับดำบนแผ่นกลมที่ก้นหลอดแล้วค่อยๆ รินต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสีขาวสลับดำที่มองเห็นนั้นเลือนหายไปขณะที่มองจากปากของหลอดวัดความโปร่งใสไปยังจานสีขาวสลับดำที่ก้นหลอดนั้น ควรจะหมุนหลอดวัดความโปร่งใสไปพร้อมๆ กันด้วยเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างสีขาวและสีดำบนจานที่ก้นหลอด

2. บันทึกค่าที่อ่านได้ลงในใบงานบันทึกข้อมูล ถ้าค่าที่อ่านได้เป็นเศษของเซนติเมตร ให้คิดเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด เช่น 2.1 เซนติเมตร บันทึกเป็น 2 เซนติเมตร

3. เมื่อเติมน้ำตัวอย่างจนเต็มหลอดวัดความโปร่งใสแล้ว ถ้ายังคงเห็นสีบนจานวัดอยู่ ก็ให้บันทึกว่าความโปร่งใสของน้ำจะมีค่ามากกว่า (>) ความยาวหรือความสูงของหลอดวัดความโปร่งใสนั้น

4. ทดลองซ้ำตามวิธีการในข้อ 1 – 3 อย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อควบคุมคุณภาพการตรวจวัดและค่าความโปร่งใสของที่วัดได้ จากน้ำตัวอย่างเดียวกันนั้นจะต้องต่างกันไม่เกิน 10 เซนติเมตร

การตรวจวัดความโปร่งใสของน้ำด้วยจานวัดความโปร่งใส

1. ค่อยๆ หย่อนจานวัดความโปร่งใสลงในน้ำ จนกระทั่งถึงจุดที่มองไม่เห็นสีขาวสลับดำบนจานวัดความโปร่งใส ทำเครื่องหมายบนเชือก ณ จุดผิวหน้าน้ำ (อาจจะใช้เข็มหมุดปักผ้าเสียบไว้) แต่ถ้าไม่สามารถทำเครื่องหมาย ณ จุดผิวน้ำได้โดยตรง ต้องทำเครื่องหมายบนเชือกที่สูงจากผิวน้ำ ซึ่งรู้ค่าระยะที่แน่นอน

2. ค่อยๆ ดึงเชือกให้สูงขึ้นทีละน้อยๆ จนกระทั่งมองเห็นสีบนจานวัดความโปร่งใสอีกครั้งหนึ่ง แล้วทำเครื่องหมายบนเชือกที่ระดับผิวน้ำอีกครั้ง(หรือจะใช้วิธีการวัดระยะทางจากผิวน้ำถึงจุดที่วัดได้เหนือน้ำ) ดังนั้น จึงมีเครื่องหมายบนเชือกอยู่ 2 จุด ซึ่งน่าจะไม่ต่างกันเกิน 2 – 3 เซนติเมตร เท่านั้น

3. บันทึกระยะต่างระหว่าง 2 จุดที่วัด ถ้าระยะที่วัดได้มีค่าเป็นเศษของเซนติเมตร ให้คิดเป็นค่าเซนติเมตรที่ใกล้เคียงที่สุด เช่น 2.1 เซนติเมตร บันทึก 2 เซนติเมตร ในใบบันทึกข้อมูล

4. ถ้าความแตกต่างระหว่างค่าความลึกที่วัดได้ทั้ง 2 ค่า มีค่ามากกว่า 10 เซนติเมตร ให้ทำการทดลองซ้ำใหม่ แล้วจึงบันทึกค่าที่วัดได้ใหม่

5. ถ้าจานวัดความโปร่งใสจมลงถึงก้นน้ำ ณ จุดตรวจวัดแต่ยังคงเห็นสีของจานดังกล่าวอยู่ให้บันทึกว่า ค่าความโปร่งใสของน้ำมากกว่าความลึกจากจานวัดถึงผิวน้ำโดยเขียนเครื่องหมายมากกว่า (>) หน้าตัวเลขที่อ่านได้

6. ชี้บ่งปริมาณเมฆที่ปกคลุมในท้องฟ้าเหนือบริเวณที่ศึกษา หาระยะทางระหว่างเครื่องหมายที่ทำไว้บนเชือกและผิวน้ำ แล้วบันทึกค่าทั้งสองในใบบันทึกข้อมูล (หากทำเครื่องหมายบนเชือกที่ผิวน้ำให้ใส่ 0)

Measurement of water transparency is a measure of the ability of light to shine through water. It can be measured in two ways: the Secchi Disk (วิธีการวัดด้วยจานวัดความโปร่งใส) is used for static or deep water sources as shown in Figure 1. A Transparency Tube (วิธีใช้หลอดวัดความโปร่งใส) is used for water or shallow water as shown in Figure 2.

 

Most will find that transparency of natural water is between 1 and 3 meters or 4 meters. If water is less than 1 meter, the water source will have a high organic growth rate or it means there is a high concentration of suspended solids. Some lakes are clear and deep because the growth rate of the plants is low. Coastal water may have a transparency as high as 30 to 40 meters, such as coral reefs.

Measurement of Transparent Water with Transparency Tube

1. Pour the sample in a graduated tube. Observe the white color on the disc at the bottom of the tube. Continue to add water while the white-to-black sections are visible until it disappears as seen from the mouth of the tube. Measuring the distance to the transparency disk at the bottom of the tube. You should rotate the tube to make sure the transparency disk is still invisible.

2. Save the value to the log entry. If the readable value is a fraction of centimeters Make the closest approximation, for example, 2.1 centimeters to 2 centimeters.

3. When the sample is filled up, the transparency is measured. If you still see the color on the transparency disk, the transparency of the water is greater than (>) the length or height of the tube.

4. Repeat steps 1 to 3 at least 2 more times to control the measured quality and transparency values. The same sample must not have differing values by more than 10 centimeters.

Measurement of Water Transparency with Secchi Disk

1. Gradually drop the Secchi disk into the water until it reaches the point where the white and black are indistinguishable. Mark on the rope at the water surface. (A pin or clip may be used), but if it cannot be marked directly at the water surface. Marked on the rope from the surface. I know the exact distance.

2. Gently pull the rope up a little. Measure the transparency again and mark the rope at the surface again (or measure the distance from the surface to the point above the water). On the rope is two points, which should not differ by more than 2 - 3 centimeters.

3. Record the distance between the two points if the measured distance is a fraction of centimeters. Round to the nearest centimeter, e.g. 2.1 centimeters, save 2 centimeters in the data sheet.

If the difference between the two measured values ​​is greater than 10 cm, repeat the experiment. Then record the new measurement.

5. If the transparency plate sinks to the bottom of the water at the measurement point but still sees the color of the dish, note that the transparency of the water over the depth from the plate measured to the surface by marking more than (>) the readable page number.
6. Indicates cloud cover over the study area. Find the distance between the marks on the rope and the surface. Then save the two values ​​in the log. (If marked on the rope at the surface, enter 0)

bottom of page